หน้าแรก / บล็อก / เคล็ดลับเพื่อคนรักรถ / กระจกรถนิรภัย แบบไหนดีที่สุด?
ถ้าพูดถึงกระจกนิรภัย ของแต่งที่ช่วยปกป้องทั้งชีวิตรถและชีวิตคุณ ยามเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ผมอยากให้ลองอ่านบทความนี้ดูครับ มีข้อมูลเรื่องกระจกนิรภัยบอกไว้อย่างละเอียดเลย
ความแตกต่างของกระจกนิรภัย กับกระจกธรรมดา
ขึ้นชื่อว่า ”กระจกนิรภัย” ย่อมแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว เพราะ กระจกชนิดนี้ถ้าแตกแล้วจะกลายเป็นชิ้นเล็กๆ ลักษณะคล้ายกับก้อนกรวด ไม่มีส่วนแหลมคมที่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งาน ด้วยเหตุนี้ ทำให้กระจกนิรภัยถูกนำมาผลิตเพื่อใช้งานร่วมกับของต่างๆ เช่น กระจกโทรศัพท์กระจกแต่งบ้าน กระจกไมโครเวฟ และกระจกรถยนต์
กระจกนิรภัย แบ่งออกได้กี่ประเภท?
กระจกนิรภัยรถยนต์ แบ่งออกเป็นสองแบบ คือ กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) และ กระจกลามิเนต (Laminated Glass) ถึงลักษณะของกระจกแต่ละแบบจะมีความแตกต่าง แต่ก็ต้องผ่านมาตรฐานการทดสอบเดียวกัน 3 ข้อนั่นก็คือ
ข้อ 1 ต้องมีความแข็งแรงที่มากกว่ากระจกทั่วไป 3 - 5 เท่า
ข้อ 2 เมื่อกระจกแตก จะต้องแตกเป็นชิ้นเล็กๆ ไม่แหลมคม ไม่กระจาย
ข้อ 3 หากแตกแล้วจะไม่มีวัตถุอื่นๆ ทะลุผ่านกระจกมาได้ง่ายๆ
คราวนี้มาดูรายละเอียดเพิ่มเติมของกระจกนิรภัยแต่ละประเภทกันดีกว่า กระจกนิรภัยประเภทแรก แบบเทมเปอร์ แบ่งย่อยได้อีก 2 แบบ กระจกเทมเปอร์ และกระจกโซนเทมเปอร์
กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) คือ การนำกระจกFLOAT ไปผ่านกระบวนการเทมเปอร์ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการทำคอนกรีตอัดแรง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระจก กระบวนการนี้จะสร้างให้เกิดชั้นของแรงอัดที่ผิวกระจกเพื่อต้านแรงจากภายนอก
ขั้นตอนการทำเริ่มจากให้ความร้อนกับกระจก ที่อุณหภูมิสูงกว่า 650°C – 700°C หลังจากนั้นทำให้ผิวกระจกเย็นตัวอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ลมเป่า ความแตกต่างของอุณหภูมิ ทำให้เกิดเป็นชั้นแรงอัดที่ผิวกระจก ที่ช่วยต้านแรงจากภายนอกได้ดี
กระจกโซนเทมเปอร์ (ZoneTempered) คือ กระจกที่ผ่านขั้นตอนการผลิตแบบพิเศษ เมื่อกระจกชนิดนี้แตกจะแตกเป็นเศษชิ้นใหญ่ จึงเหมาะสำหรับติดตั้งเป็นกระจกบังหน้ารถ เพราะยังสามารถมองทางได้ชัดเจนกว่ากระจกแบบเทมเปอร์ที่แตกเป็นชิ้นเล็กละเอียด
กระจกลามิเนต (Laminated Glass) ผลิตโดยการนำแผ่นกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป มาทำการลามิเนตเป็นชั้นๆ ระหว่างชั้นเชื่อมด้วย PVB (Poly Vinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate) เพื่อให้กระจกแข็งแกร่งขึ้นและปลอดภัยกับการใช้งาน
หลังจากนั้นนำมาผ่านกระบวนการรีดด้วย Roller เพื่อให้ฟิล์มยึดติดกับกระจก เสร็จแล้วจึงนำกระจกอบในเตา Auto Clave ที่ควบคุมอุณหภูมิและความดันที่เพื่อไล่อากาศออกจนหมด ลักษณะเด่นของกระจกประเภทนี้ที่ดีกว่ากระจกแบบอื่น เมื่อแตกแล้วจะไม่มีเศษกระจกล่วงหล่น เพราะ มีชั้นฟิล์มที่ช่วยยึดเกาะแผ่นกระจกแต่ละชั้นไว้ลักษณะคล้ายใยแมงมุม กระจกชนิดนี้